ผู้สนับสนุนความรวย

วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

วันที่ 6 : กฎของการเป็นเศรษฐี ข้อที่ 3

วันที่ 6 : กฎของการเป็นเศรษฐี ข้อที่ 3 :
ท่านต้อง “แลก”
สวัสดีครับทุกท่าน สำหรับวันที่ 6 นี้ ท่านจะได้พบกับบทเรียน ซึ่งมีชื่อว่า “กฎของการเป็นเศรษฐี ข้อที่ 3 : ท่านต้อง แลก ”
สิ่งที่ท่านจะได้เรียนรู้ ในบทเรียนนี้ คือ
      • กฎของการได้รับ คืออะไร ? มีลักษณะเป็นอย่างไร ?
      • เพื่อการเป็นเศรษฐี ท่านต้อง แลก อะไร กับ อะไร ?
      • เงิน กับ ความรู้ในการหาเงิน อะไรสำคัญที่สุด ?
      • ทำงานแลกเงิน กับ สร้างระบบปั๊มเงิน แบบไหนดีกว่ากัน ?

กฎของการได้รับ คือ อะไร? มีลักษณะเป็นอย่างไร ?   
ท่านเคยเป็นบ้างไหม? บางวันท่านจำต้องนั่งสมเพชตัวเอง ที่อยากได้นั่นได้นี่ อยากมีนั่นมีนี่ อยากเป็นนั่นเป็นนี่ แต่ถึงแม้เวลาผ่านไปอีกนานเท่าใด ก็ไม่มีวันที่มันจะเป็นจริงขึ้นมาซักที…? มันเหมือนกับท่านกำลังนั่งฝันนอนฝันลมๆแล้งๆเหมือนคนบ้า!..
ถ้าหากเหตุการณ์เช่นนี้ เคยเกิดขึ้นกับท่าน ให้ท่านจดจำเอาไว้เลย ว่า “ท่านกำลังทำอะไรบางอย่างที่ ผิดกฎของการได้รับ อย่างแน่นอน” เพราะ
“กฎของการได้รับ” กล่าวไว้ว่า “ท่านจะได้สิ่งหนึ่ง ก็ต่อเมื่อท่าน  แลก ด้วยสิ่งหนึ่งที่มีคุณค่า คู่ควร เสมอ” อธิบายได่ว่า “ท่านจะไม่มีทางได้สิ่งใดก็ตามที่ไม่คู่ควรกับท่าน” เช่น
- ท่านอยากมีเงินเดือน 1,000,000 บาท : เดือน แต่เรียนจบแค่ป.4 และทำงานเป็นลูกจ้างอยู่ในโรงงาน , โรงแรม , บริษัทเอกชนธรรมดาๆ ….. à ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้
- ท่านอยากมีบ้านหลังละ 10,000,000 บาท แต่รายได้ต่อปีของท่าน = 120,000 บาท ต่อปี มีรายได้เสริมอีกนิดๆหน่อยๆ…. à ซึ่งมันคงเป็นไปได้ยาก
- ท่านอยากมีรถยนต์คันหรูๆราคา 10,000,000 บาท แต่รายได้แต่ละเดือนของท่านแค่เดือนละ 15,000 บาท …. à ซึ่งมันก็เป็นไปได้ยาก
- ท่านอยากมีสุขภาพดี/แข็งแรง/สดใส แต่ไม่เคยทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่เคยพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เคยดูแลสุขภาพ ไม่เคยออกกำลังกาย …. à ซึ่งมันก็คงจะเป็นไปไม่ได้
ทั้งหมดนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งนั่นเป็นเพราะ “ท่านแลกในสิ่งที่ไม่คู่ควร” นั่นเอง! แต่ทำไม คนจน/ชนชั้นกลาง ไม่เคยคิดไตร่ตรองถึงประเด็นนี้เลย พวกเขาเอาแต่…
- พร่ำบ่นให้กับชะตาชีวิตของตัวเองว่าทำไมต้องเกิดมาจน
- โทษคนอื่นรอบกาย เช่น พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย เพื่อน หัวหน้า ลูกน้อง สังคม ประเทศชาติ ฯลฯ
- โทษบริษัท โทษระบบ โทษลูกค้า ฯลฯ ว่าเป็นตัวทำให้เกิดความยากจน
เพราะฉะนั้น จากนี้ไป ให้ทุกท่านตระหนักไว้เลยว่า “ท่านต้องแลกด้วยสิ่งที่มีคุณค่าคู่ควรเท่านั้น” เพราะไม่มีประโยชน์อันใดที่ท่านมัวแต่นั่งบ่นหรือโทษคนอื่นรอบๆกาย
ผมจะบอกกับท่าน ณ ตรงนี้ว่า “ถ้าท่านอยากเป็นเศรษฐี 100,000,000” ท่านต้อง
                    – คิด แบบเศรษฐี 100,000,000 คิด
                    – เขียน แบบเศรษฐี 100,000,000 เขียน
                    – พูด แบบเศรษฐี 100,000,000 พูด
                    – ทำ แบบเศรษฐี 100,000,000 ทำ
ทำไมถึงต้องทำแบบนี้? คำตอบ คือ “การหาเงิน 100,000,000 มันมีวิธีการที่เป็นรูปแบบ เฉพาะตน ซึ่งแน่นอนว่า มัน ต้องแปลก และ แตกต่าง จาก การหาเงิน 10,000 เงิน 100,000 อย่างแน่นอน”
สรุปแล้ว ถ้าท่านอยากเป็นเศรษฐี 100,000,000 แต่ท่านยังแลกด้วยกิจกรรมธรรมดา ประกอบอาชีพธรรมดา คิด เขียน พูด ทำ แบบธรรมดา ท่านจะเป็นเศรษฐีร้อยล้านได้อย่างไร?
ผมขอยืนยันกับท่าน ณ ตอนนี้เลยว่า
          – ไม่มีเงินทุน หลักหมื่น หลักแสน หลักล้าน ก็เป็นเศรษฐีร้อยล้านได้
          – ไม่มีเวลา ยุ่ง วุ่นวาย ไม่ว่าง ก็เป็นเศรษฐีร้อยล้านได้
          – ไม่มีการศึกษา จบป.4 ป.6 ก็เป็นเศรษฐีร้อยล้านได้
          – อายุเด็ก/แก่  ก็เป็นเศรษฐีร้อยล้านได้
          – สุขภาพไม่ดี ป่วย พิการ ก็เป็นเศรษฐีร้อยล้านได้
มันเป็นเช่นนั้นจริงๆครับ ไม่มีอะไรผิดเพี้ยนไปเลยแม้แต่น้อย ไม่จำเป็นต้องทำอาชีพที่ผิดกฎหมาย ไม่จำเป็นต้องทำนาบนหลังคน ไม่จำเป็นต้องเป็นคนหลอกลวง/คนลวงโลก ก็เป็นเศรษฐีได้
เงื่อนไขเดียวเท่านั้นคือ “ท่านต้องเปิดใจเรียนรู้แนวทางที่ถูกต้อง” มันมีแค่นี้จริงๆครับ ซึ่งแน่นอนว่า ข้อมูลเชิงลึก มันถูกบรรจุอยู่ใน “หลักสูตร : วิชาหาเงินล้าน(ภายใน 3 วัน)” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ผมไม่ได้บังคับว่าทุกท่านต้องเรียนรู้ แค่หลักสูตร 7 วันฉันจะเป็นเศรษฐี ก็เพียงพอที่จะเป็นแนวทางพื้นฐานในการเป็นเศรษฐีได้แล้วแต่ผมจะบอกว่า“หลัก สูตร : วิชาหาเงินล้าน(ภายใน 3 วัน)”มันเป็นทางลัดเท่านั้นเอง
เนื่องจากหัวข้อนี้ ได้พูดถึง กฎของการได้รับ ซึ่งจะสามารถสรุปได้สั้นๆดังนี้
“ท่านจะได้สิ่งหนึ่ง ก็ต่อเมื่อท่าน  แลก ด้วยสิ่งหนึ่งที่มีคุณค่า คู่ควร เสมอ”

เพื่อการเป็นเศรษฐี ท่านต้อง แลก อะไร กับ อะไร ?       
“การเป็นเศรษฐี มันง่ายเหมือนกับการปอกกล้วยเข้าปาก” ผมขอย้ำอีกครั้งนะครับ ว่า
“การเป็นเศรษฐี มันง่ายเหมือนกับการปอกกล้วยเข้าปาก” มันไม่มีอะไรที่ยุ่งยากเลยซักนิด เงื่อนไขเดียวคือ “ท่านต้องรู้วิธีการที่ถูกต้อง”
ดังนั้น ถ้าท่านอยากเป็นเศรษฐีอย่างแท้จริง ท่านต้องแลกด้วยการเรียนรู้ “วิธีการที่ถูกต้องในการเป็นเศรษฐีอย่างเป็นขั้นเป็นตอน Step by Step” ซะก่อน คนส่วนใหญ่ที่ล้มเหลวในการใช้ชีวิต หรือ ล้มเหลวในการทำธุรกิจ ก็เพราะว่า พวกเขา “ไม่เคยเรียนรู้วิธีการที่ถูกต้อง ก่อนลงมือทำ” กระโจนลงไปในธุรกิจโดยที่ไม่เรียนรู้อะไรเลย แบบนี้ก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้นเอง
ซึ่งในเบื้องต้นที่เป็นพื้นฐานอย่างแท้จริงนั้น ท่านต้องทำตามขั้นตอนทั้งหมดนี้อย่างเคร่งครัดซะก่อน เพราะมันเป็นพื้นฐานสำหรับท่าน ท่านต้องแลกด้วยกระบวนการที่สำคัญดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 : ท่านต้องทำความเข้าใจสาเหตุของความยากจนข้อที่ 1 “คนจนอยู่ในสภาพแวดล้อมแห่งความยากจน”
ถ้าท่านอยากเป็นเศรษฐี ท่านต้องย้ายตัวเองออกจากสภาพแวดล้อมแห่งความยากจนให้เร็วที่สุด ย้ายตั้งแต่ตอนนี้/วินาทีนี้เลย เพราะถ้าท่านไม่ย้าย ท่านก็จะอยู่ที่เดิม ถ้าท่านจมอยู่ที่เดิม ท่านก็ไม่มีทางเป็นเศรษฐีได้เลย
ถ้าในขั้นตอนที่ 1 นี้ท่านยังทำความเข้าใจได้ไม่ละเอียด ท่านต้องกลับไปอ่านทบทวนซ้ำแล้วซ้ำอีกจนเข้าใจ ว่ารายละเอียดที่แท้จริงมันเป็นอย่างไร?(อยู่ในบทเรียนวันที่ 1) ท่านอย่าข้ามไปทำขั้นตอนที่ 2 เป็นอันขาด เพราะมันจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ขั้นตอนที่ 2 : ท่านต้องทำความเข้าใจสาเหตุของความยากจนข้อที่ 2 “คนจน เลือก ที่จะเป็น คนจน”
ถ้าท่านอยากเป็นเศรษฐี ท่านต้องตระหนักได้แล้วว่า “มันเจ็บปวดรวดร้าวแค่ไหน ที่ท่านต้องจมอยู่กับความยากจนมาหลายชั่วอายุคนแล้ว”
ในขั้นตอนนี้ ท่านต้องระบายความอัดอั้นตันใจของท่านออกมา ร้องไห้กับปัญหาที่รุมเร้าท่านเป็นครั้งสุดท้าย ประกาศให้โลกรู้ว่า “ท่านคือคนจนรุ่นสุดท้าย” ร้องไห้ออกมาให้สุดๆ ปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมา ให้มันทะลักความเจ็บปวดออกมา
นอกจากนี้ ท่านยังต้องเขียนความเจ็บช้ำน้ำใจของท่านออกมา เขียนระบายมันออกมาให้หมด ท่านจะได้รู้ว่า “สภาพนี้เป็นสิ่งที่ท่านทนไม่ได้อีกแล้ว” แล้วท่านจะรู้วิธีย้ายตัวเองออกจากความยากจนได้เอง เพราะ “เมื่อไหร่ที่คนเราทนอะไรไม่ได้แล้ว มันจะระเบิดพลังมหาศาลออกมา” และพลังนี้เองที่จะผลักดันให้ท่านหนีออกไปจากความยากจนได้
ขั้นตอนที่ 3 : ท่านต้องทำความเข้าใจสาเหตุของความยากจนข้อที่ 3 “คนจน คิด เขียน พูด ทำ แบบคนจน”
ถ้าท่านอยากเป็นเศรษฐี ท่านต้องตีความให้ออกว่า แท้จริงแล้ว สิ่งที่ขวางกั้นท่านให้ท่านจมปรักอยู่กับความยากจนไม่ใช่อะไรที่ไหนทั้งสิ้น มันเป็นเพราะ “การคิด การเขียน การพูด การทำ” ของท่านนั่นเอง ท่านอย่าไปโทษคนอื่น หรือโทษอะไรที่ไหนทั้งสิ้น มันเป็นความผิดของท่านเต็มๆ
ในขั้นตอนนี้ท่านต้องเขียนบรรยาย ความคิดแห่งความยากจนของท่านออกมา แล้วท่านจะรู้ว่า แท้จริงแล้ว เส้นกั้นบางๆระหว่างคนจนกับคนรวย อยู่ที่ “ความคิด” เท่านั้นเอง  ถ้าคิดว่า รวยได้ เราก็จะรวยได้ แต่ถ้าคิดว่า รวยไม่ได้ ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน ก็ไม่มีทางรวยได้หรอกครับ
หลังจากที่คิดว่ารวยได้ ต่อไปก็เขียนมันออกมาว่า “ทำไมต้องรวย และจะรวยด้วยวิธีการไหน?” จากนั้นก็พูดถึงความรวยอย่างสม่ำเสมอ พูดจนติดปากว่า “เราจะรวย เราจะรวย เราจะรวย” สุดท้ายเราก็ต้องไม่ลืมสิ่งที่สำคัญ นั่นคือ “การลงมือทำ” มันมีแค่นี้จริงๆ แค่ คิด เขียน พูด และ ทำ แบบใหม่เปลี่ยนเป็น คิด เขียน พูด และทำแบบคนรวยเขาทำกัน เลียนแบบเขาในทุกๆวิธีการ ทุกๆอริยาบถของเขา ทำในสิ่งที่ถูกต้อง à รวยด้วยวิธีการที่ถูกต้อง ซึ่งทางลัดก็มี อยู่ในหลักสูตร : วิชาหาเงินล้าน(ภายใน3วัน) ท่านจะได้รู้ว่า การคิด เขียน พูด ทำแบบเศรษฐี มันง่ายเหมือนกับปอกกล้วยเข้าปากอย่างแน่นอน
ขั้นตอนที่ 4 : ท่านต้องทำความเข้าใจ กฎของการเป็นเศรษฐี ข้อที่ 1 “ท่านต้อง เชื่อ”
          ถ้าท่านอยากเป็นเศรษฐี ท่านต้องเปลี่ยนความเชื่อตัวเองซะใหม่ เปลี่ยนจาก
-  “ความเชื่อที่มีแต่ขีดจำกัด” ไปสู่ “ความเชื่อที่ไร้ขีดจำกัด”
- “ความเชื่อแต่เรื่องความขาดแคลน” ไปสู่ “ความเชื่อในเรื่องความอุดมสมบูรณ์”
- “ความเชื่อเกี่ยวกับความเป็นไม่ได้” ไปสู่ “ความเชื่อเกี่ยวกับความเป็นไปได้เสมอ”
ความเชื่อ นำไปสู่การ ลงมือทำ เมื่อไหร่ที่เราเชื่อว่า “คนจน ยังไงก็จนอยู่วันยังค่ำ” การกระทำของท่านก็จะจมอยู่กับความยากจน ท่านก็จะคิด เขียน พูด และทำสิ่งเดิม     ๆซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผลลัพธ์ที่ได้ คือ ได้ผลลัพธ์แบบเดิมๆ เป็นลูกจ้างเหมือนเดิม ทำงานรับจ้างขายแรงงานเหมือนเดิม หาเช้ากินค่ำเหมือนเดิม..
แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เรา เปลี่ยนความเชื่อซะใหม่ การกระทำของเราก็ย่อมจะทำสิ่งใหม่ๆที่แตกต่างจากเดิม เช่น เดิม เราทำงานเป็นลูกจ้าง à ยากจนเหมือนเดิม เราก็เพิ่มกิจกรรมเข้าไปใหม่ คือ หลังจากเลิกงาน เราก็เสริมรายได้ด้วยการทำงานในแบบที่เศรษฐีเขาทำ à มีรายได้มากขึ้นๆ ทวีคูณไปเรื่อยๆ à กลายเป็นเศรษฐีขึ้นมา
เส้นกั้นบางๆ มันอยู่ที่ “การเปลี่ยนความเชื่อ กับ การไม่เปลี่ยนความเชื่อ” มันมีแค่นี้จริงๆ แค่ท่านเชื่อว่าท่านทำได้ à ท่านก็จะทำได้อย่างไม่มีข้อกังขาใดๆทั้งสิ้น นี่จึงเป็นสาเหตุที่ เศรษฐีทั่วโลกมีเงินเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณทุกๆปี เพราะเขารู้ความลับของ “ความเชื่อ” แค่เชื่อว่าพวกเขาสามารถเป็นเศรษฐีได้ เขาก็รีบลงมือทำตามกระบวนการของเศรษฐี ไม่นานเขาก็เป็นเศรษฐี ที่สำคัญที่สุด รายได้เขาก็ทวีคูณขึ้นไปเรื่อยๆจนไม่มีที่สิ้นสุด ไร้ขีดจำกัด
ขั้นตอนที่ 5 : ท่านต้องทำความเข้าใจ กฎของเศรษฐีข้อที่ 2 “ท่านต้อง เลือก”
ถ้าท่านต้องการเป็นเศรษฐีอย่างแท้จริง ท่านต้องทำความเข้าใจกฎของเศรษฐีข้อ 2 นี้ให้ละเอียดถ่องแท้จนถึงขนาดเข้าถึง จิตวิญญาณ ของมันอย่างแท้จริง เพราะหลังจากที่ท่านเชื่อ ท่านต้องทำกระบวนการนี้ขึ้นมา ซึ่งนั่นก็คือ “การเลือก/ตัดสินใจ” ที่จะอยู่ฝั่งของเศรษฐี
ถ้าท่านรู้อยู่แล้วว่า ฝั่งที่ท่านอยู่ ณ ตอนนี้ เป็นฝั่งของคนจน ท่านก็แค่ย้ายออกจากฝั่งของคนจน/ชนชั้นกลาง ไปอยู่ฝั่งของคนรวย/เศรษฐี/มหาเศรษฐี มันมีแค่นี้จริง ท่านจะย้ายไปอยู่ฝั่งของเศรษฐีได้ ท่านต้อง “เลือก” ถ้าท่านไม่เลือก ท่านก็อยู่ที่เดิม และที่สำคัญที่สุด คือ “อย่าเหยียบเรือสองแคม” อย่าเลือกทั้งฝั่งคนจนและเลือกฝั่งคนรวย เพราะมันจะไม่มีทางประสบความสำเร็จไม่ว่าทางไหนก็ตาม
ท่านจงกลับไปทบทวนบทเรียนวันที่ 5 ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ ท่านต้องตระหนักให้ดีว่า “ฝั่งที่ท่านอยู่ ณ ตอนนี้ เป็นฝั่งของคนจน/ชนชั้นกลาง” และมันจะเป็นสิ่งที่รุนแรงสุดๆถ้าเมื่อไหร่ท่านไม่มีเงินแม้แต่จะกินข้าว ไม่มีเงินแม้แต่จะรักษาคนป่วยที่ต้องนอนรอความตาย..มันเจ็บปวดและทรมานมาก ถ้าเป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้น ท่านต้องเลือกที่จะไปอยู่ฝั่งของเศรษฐี ซึ่งมีอยู่ทางเดียวเท่านั้น
          ขั้นตอนที่ 6 : ท่านต้องทำความเข้าใจ กฎของเศรษฐีข้อที่ 3 “ท่านต้อง แลก”
ถ้าท่านต้องการเป็นเศรษฐีอย่างแท้จริง ท่านต้อง แลก หรือ ลงมือทำด้วยวิธีการที่ถูกต้องที่เศรษฐีทั่วโลกเขาทำกัน ไม่งั้นท่านก็จะไม่มีทางย้ายจากฝั่งของคนจน ไปสู่ฝั่งของคนรวยได้
ในขั้นตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ “วิธีการที่ถูกต้อง” ถ้าเมื่อไหร่ที่ท่านแลกด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง ท่านก็จะจมอยู่กับความยากจนอยู่เหมือนเดิม ดังนั้นก่อนที่ท่านจะแลกมันอย่างสุดชีวิต ท่านต้องเดินบนเส้นทางที่ถูกต้อง
ท่านเคยเห็นโจรที่ปล้นเงินธนาคาร/ปล้นร้านทองมั๊ยครับ พวกเขาแลกมันด้วยชีวิต ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจอย่างหนัก เตรียมการวางแผนอย่างดี เป็นขั้นเป็นตอนที่ชัดเจน พอได้เวลาก็เข้าปล้นอย่างอุกอาจ มั่นใจ 100% ทุ่มเทสุดแรงเกิด สุดท้ายเขาก็ปล้นได้สำเร็จ à พอสำเร็จแล้วไงต่อ? ได้เงินมาแล้วไงต่อ? à ผลที่ตามมา คือการหนีหัวซุกหัวซุนยังไงละครับ บางรายก็ถูกฆ่า(วิสามัญ) บางรายก็ติดคุกหัวโต บางรายต้องหนีไปกบดานในป่าหรือหนีออกนอกประเทศก็มี
นี่คือตัวอย่างการ แลก ด้วยชีวิต แต่เป็นการแลกที่ไม่ถูกวิธี ได้เงินล้านจริง แต่เป็นการได้เงินล้านที่ไม่ถูกวิธี ผมถึงต้องเน้นย้ำเสมอว่า “วิธีการที่ถูกต้องในการเป็นเศรษฐี” เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นเอง
          ขั้นตอนที่ 7 : ท่านต้องทำความเข้าใจ “กระบวนการของการเป็นเศรษฐี”
ถูกต้องแล้วครับ นี่คือขั้นตอนสุดท้ายของการเป็นเศรษฐีเงินล้าน คือ “กระบวนการของการเป็นเศรษฐี” (อยู่ในบทเรียนวันที่ 7 ซึ่งเป็นหัวข้อถัดไป)ซึ่งมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง
เป็นไงกันบ้างครับ นี่คือ 7 ขั้นตอนที่ท่านต้องทุ่มเทอย่างสุดชีวิต เพื่อแลกมันมาให้ได้ ให้ท่านระลึกไว้เสมอว่า “แลกไม่ได้ = ตาย” ให้ท่านท่องไว้ให้ขึ้นใจว่า “แลกไม่ได้ = ตาย” มันมีทางเดียวนี้เท่านั้น ท่านไม่ต้องไปหากระบวนการอื่นอีกเลย เพราะมันไม่มีอีกแล้ว 7 ขั้นตอนนี้เป็นพื้นฐานที่ดีที่สุดแล้วที่ท่านต้องทำความเข้าใจรายละเอียดให้ ลึกซึ้ง
เงิน กับ ความรู้ในการหาเงิน อะไรสำคัญที่สุด ?     
ในหัวข้อที่แล้วผมได้พูดถึงไปแล้วถึง “วิธีการที่ถูกต้องในการเป็นเศรษฐี” ในหัวข้อนี้ ผมจะชี้ชัดๆลงไปอีกว่า อะไรสำคัญที่สุด ระหว่าง “เงิน” กับ “ความรู้ในการหาเงิน” ?
ก่อนที่ผมจะตอบคำถามนี้ ผมขอยกตัวอย่าง “การหาปลาให้ลูกกิน กับการสอนวิธีหาปลาให้กับลูก” อะไรสำคัญที่สุด?
          – ตื่นเช้ามา ท่านได้เตรียมอาหารที่ทำจากปลาให้ลูกท่านทาน ปรุงแต่งรสชาติอย่างดี
- พอตอนบ่าย ท่านได้เตรียมอาหารที่ทำจากปลาให้ลูกท่านทานอีก
- พอตกเย็น ท่านก็ได้เตรียมอาหารที่ทำจากปลาให้ลูกท่านทานอีก

เป็นอย่างนี้ทุกวี่ทุกวัน ลูกของท่านไม่จำเป็นต้องทำอะไร นอนขี้เกียจอยู่บ้านเฉยๆ ก็มีปลากินทุกๆวัน ตื่นมาก็ได้กิน บ่ายมาก็ได้กิน เย็นมาก็ได้กิน…ถ้าเป็นแบบนี้ ในระยะยาวจะเกิดอะไรขึ้น? มันย่อมแน่นอนอยู่แล้วว่า ลูกท่านจะขี้เกียจ+ทำอะไรไม่เป็น+ขาดทักษะการใช้ชีวิต..+ ฯลฯ ….
ประเด็นคือ ถ้าเกิดวันใดวันหนึ่ง(ซึ่งมันต้องเกิดขึ้นแน่นอน) ท่านต้องล้มป่วย ออกไปหาปลาไม่ได้ ต้องนอนซมอยู่บนที่นอน(รอวันตาย).. ลูกท่านจะกินอะไร? ในเมื่อพวกเขาขี้เกียจ + ทำอะไรไม่เป็น + ขาดทักษะการเอาตัวรอด หาปลากินเองไม่เป็น… ถ้าเป็นแบบนี้ท่านคิดว่าลูกท่านจะอยู่รอดได้หรือไม่????
ดังนั้น คำถามที่ว่า อะไรสำคัญที่สุด ระหว่าง “เงิน” กับ “ความรู้ในการหาเงิน” ?
          คำตอบ คือ “ความรู้ในการหาเงิน” นั่นเอง เพราะ ถึงแม้ท่านจะไม่มีเงินเหลือเลยซักบาท แต่เมื่อไหร่ที่ท่านมีความรู้ที่ถูกต้องในการหาเงิน ไม่นานท่านก็ย่อมจะมีเงินขึ้นมาอย่างแน่นอน
ทำไมผมถึงกล้าพูดยืนยันอย่างนี้? คำตอบ คือ ผมเองเคยผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดมามากมาย
- เป็นหนี้กว่า 10,000,000 ทั้งในและนอกระบบ
- โดนโกงเงินไปกว่า 2,000,000 บาท
- พ่ออายุ กว่า 80 ปี ถูกรถยนต์ชนไส้ขาดต้องนอนโรงพยาบาลหลายเดือนพ่วงด้วยโรคร้ายอีกมาก
- ปัญหาอื่นๆอีกมากมาย….
ผมไม่มีเงินเหลือติดตัวแม้แต่บาทเดียว ต้องดื่มน้ำแทนข้าว ต้มข้าวสารกรอกหม้อเพื่อประทังชีวิตให้รอดไปวันๆ สักพักก็มีเงินโอนเข้าบัญชีธนาคาร 88,000 บาท , 100,000 บาท , 1,000,000 บาท….
นี่คือข้อดีของการรู้จัก “วิธีการที่ถูกต้องในการหาเงินล้าน” ดังนั้นคำกล่าวที่ว่า “ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด” เป็นความจริงสำหรับคนที่ “มีความรู้แต่ไม่เคยลงมือทำ” เพราะผมเคยพูดเอาไว้เสมอว่า “มีความรู้ แต่ไม่เคยลงมือทำ มีค่าเท่ากับ ไม่รู้(เคล็ดลับการมีเงินโอนเข้า 88,000 – 1,000,000 บาท ถูกบรรจุไว้ใน หลักสูตร : วิชาหาเงินล้าน(ภายใน 3 วัน) ซึ่งเป็นทางลัดในการเป็นเศรษฐีสำหรับทุกท่าน ไม่ว่าท่านจะ ไม่มีเงินทุน ไม่มีเวลา ไม่มีการศึกษา อายุเด็ก/แก่ สุขภาพไม่ดี..ก็ตาม)
มหาเศรษฐีส่วนใหญ่ที่รวยมาจากสองมือตน ล้วนเคยผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายของชีวิตมาแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นท่านอดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ท่าน ดร.ทักษิณ ชินวัตร ก็เคยเป็นหนี้หลักร้อยล้านขึ้นไป , โดนัลล์ ทรัมป์ มหาเศรษฐีอเมริกาก็เคยเป็นหนี้กว่าพันล้าน แต่ที่เขากลับมารวยได้เป็นเพราะพวกเขาเหล่านั้น “มีความรู้/วิธีการที่ถูกต้องในการหาเงินล้าน” นั่นเอง ดังนั้นวิชาหาเงินล้าน จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุด
ทำงานแลกเงิน กับ สร้างระบบปั๊มเงิน แบบไหนดีกว่ากัน?
          นี่เป็นคำถามที่ ลูกจ้าง และ ธุรกิจส่วนตัวขนาดเล็ก ไม่เคยถาม เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่พวกเขาเคยถามหรือเคยสงสัยเกี่ยวกับคำถามนี้ พวกเขาก็จะ “เกลียดรูปแบบการทำงานแลกเงิน”ไปตลอดชีวิต ผมขอยกตัวอย่างชีวิตในแต่ละวันของ ลูกจ้าง และ ธุรกิจส่วนตัวขนาดเล็ก ให้ท่านได้ดูอีกครั้ง
ตื่นขึ้นมา à ไปทำงานเป็นลูกจ้าง à กลับบ้านทำกิจกรรมที่ไม่ก่อให้เกิดเงินล้าน เช่น ดูทีวี เล่นเกม เล่นการพนัน ดื่มเหล้า เที่ยวกลางคืน ……ฯลฯ.. à เข้านอน … à (ตื่น à ทำงาน à ทำกิจกรรมคนจน à นอน.. à …)
เป็นไงกันบ้างครับ? รู้สึกคุ้นๆใช่หรือไม่? ถ้าเป็น ชาวไร่ ชานา ชาวสวน ก็แทนคำว่า ลูกจ้าง ด้วยสาขาอาชีพของท่าน.. เพียงเท่านี้ ท่านก็จะเห็นระบบการเคลื่อนของเงิน ซึ่งเกิดจาก
“การนำเอา เวลา + แรงงาน + ความรู้ความสามารถ ไป แลกเงินมา” ซึ่งวงจรแบบนี้ ตัวของลูกจ้าง หรือ เจ้าของธุรกิจส่วนตัวขนาดเล็ก เป็นต้นเหตุของรายได้ ซึ่งเปรียบเทียบได้กับ พ่อ ที่ หาปลาให้ลูกกิน นั่นเอง
เมื่อไหร่ที่ลูกจ้าง หรือ เจ้าของธุรกิจส่วนตัวขนาดเล็ก ไปทำงานแลกเงินไม่ได้ เขาก็จะไม่มีเงิน! พอไม่มีเงิน ก็มีค่าเท่ากับตายทั้งเป็น คนที่ตายแล้วก็ตายไป ลูกหลานที่อยู่ต่อก็สืบทายาทความยากจนต่อไป นี่คือ “ความเสี่ยงที่ลูกจ้างและเจ้าของธุรกิจส่วนตัวขนาดเล็กมองไม่เห็นหรือไม่เคยมอง”
          “แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับผู้ที่รู้จักวิธี สร้างระบบปั๊มเงิน ขึ้นมาทำงานแทน” ซึ่งนี่เองเป็นความรู้/วิธีการที่ถูกต้องในการเป็นเศรษฐี
ดังนั้น คำถามที่ว่า ทำงานแลกเงิน กับ สร้างระบบปั๊มเงิน แบบไหนดีกว่ากัน? ผมก็ขอฟันธงไว้ ณ ตอนนี้ได้เลยว่า “สร้างระบบปั๊มเงินเป็นอะไรที่สุดยอดสุดๆ” เพราะ เมื่อไหร่ที่ “ท่านสร้างระบบปั๊มเงินเสร็จแล้ว” สิ่งที่ท่านต้องทำต่อไป คือ
- กิน นั่ง นอน เล่น เที่ยว.. เงินก็ยังไหลเข้ามาแบบไม่ขาดสาย
- ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม.. เงินก็ยังไหลเข้ามาแบบไม่ขาดสาย
- ปฏิบัติธรรม วิปัสนากรรมฐาน เดินจงกลม นั่งสมาธิ เงินก็ยังไหลเข้ามาแบบไม่ขาดสาย
- ไม่ว่าท่านจะทำกิจกรรมอะไรก็แล้วแต่ เงินก็ยังไหลเข้ามาแบบไม่ขาดสาย
ทั้งหมดนี้ เกิดจาก “การเรียนรู้วิธีการที่ถูกต้องในการหาเงินล้านนั่นเอง” ผมเรียกสิ่งนี้ว่า “เครื่องจักรปั๊มเงินล้านตลอด 24 ชั่วโมง” เครื่องจักรที่ไม่เคยมีวันหลับไหล มันทำงาน ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เคยลา ไม่เคยขาด ไม่เคยมาสาย.. ลักษณะของมันจะเป็นดังภาพ





จากภาพ อธิบายได้ว่า “เศรษฐี ผู้เป็นเจ้าของระบบ” จะออกแบบ “เครื่องจักรปั๊มเงินล้าน” ขึ้นมา ผ่านโครงสร้างเชิงระบบ ซึ่งทุกๆกระบวนการ จะมีระบบตรวจสอบและรายงานผลลัพธ์ตลอดเวลา
นั่นหมายความว่า “เศรษฐี ผู้เป็นเจ้าของระบบ” จะรู้ความเคลื่อนไหวของระบบได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งขั้นตอนของระบบปั๊มเงินนี้มีไม่มาก สามารถแยกย่อยออกเป็นโครงสร้างแต่ละกลุ่ม ดังนี้
- ปัจจัยนำเข้า = สร้างสิ่งที่จะนำไปแลกเงินล้าน + ระบบปั๊มเงินตลอด 24 ชั่วโมง
- กระบวนการ = ประยุกต์ใช้ สุดยอดเทคนิค การตลาด + การขาย ขั้นเทพ
- ผลผลิต = ได้สิ่งที่จะนำไปแลกเงินล้านได้ตลอด 24 ชั่วโมง
- ผลลัพธ์ = ได้ระบบเครื่องจักรปั๊มเงินล้านตลอด 24 ชั่วโมง เช่น เมื่อไหร่ที่มียอดสั่งซื้อ เงินจะโอนเข้าสู่บัญชีของเจ้าของระบบอัตโนมัติ à สินค้า/บริการ ก็จะถูกส่งให้กับลูกค้าแบบอัตโนมัติ โดยที่เจ้าของระบบ เข้ามาเช็คแค่ยอดเงินสั่งซื้อ ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีเท่านั้น
          จากกระบวนการปั๊มเงินล้านตลอด 24 ชั่วโมงนี้เอง ที่ทำให้เศรษฐีผู้เป็นเจ้าของระบบ มีอิสระจากระบบ ไม่ได้เอาตัวเองเป็นต้นเหตุของการสร้างรายได้ เขาจึง มีเวลามากขึ้น มีอิสระที่จะทำอะไรมากขึ้น ที่สำคัญที่สุดคือ มีความสุขมากขึ้นนั่นเอง
ซึ่งกระบวนการทั้งหมดของ ระบบปั๊มเงินนี้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากความรู้ที่ถูกต้องในการหาเงินล้าน เป็นวิธีการที่ถูกต้องในการเป็นเศรษฐี ซึ่ง ข้อมูลเชิงลึก + การลงมือทำอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ถูกบรรจุอยู่ใน “หลักสูตร : วิชาหาเงินล้าน(ภายใน 3 วัน)”เรียบร้อยแล้ว
แน่นอนอย่างยิ่งว่า “ท่านต้องแลก” ด้วยการลงทุนเรียนรู้วิชานี้ ถ้า ไม่อยากล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่อยากต้องลองผิดลองถูก ไม่อยากงมเข็มในมหาสมุทร … ฯลฯ แต่ในเบื้องต้นแล้ว หลักสูตร 7 วันฉันจะเป็นเศรษฐี ก็เป็นการปูพื้นฐานการเป็นเศรษฐีให้กับทุกท่านแล้ว เพียงแต่ถ้าท่านไม่เรียนรู้หลักสูตรต่อยอด ท่านก็ต้องไปลองผิดลองถูกซะก่อน..นั่นเอง
สรุปแล้ว กฎของการเป็นเศรษฐี มีอยู่ 3 ข้อ คือ “ข้อ 1. ท่านต้อง เชื่อ , ข้อ 2. ท่านต้อง เลือก และ ข้อ 3. ท่านต้อง แลก” ซึ่งการแลกที่ดีที่สุด คือ การเรียนรู้วิธีการที่ถูกต้องในการหาเงินล้าน หรือเรียนรู้วิธีการที่ถูกต้องในการเป็นเศรษฐีเงินล้าน นั่นเอง
ก่อนที่จะจบบทเรียนวันนี้ ผมขอนำเรื่องราวที่สำคัญที่สุด มาให้ทุกท่านได้เรียนรู้ ซึ่งผมได้นำมาจาก E-Book วิชา รวยอย่างมีความสุข(หน้า 26 – 27) ซึ่งเรียบเรียงขึ้นโดยตัวผมเองมาให้ท่านได้ทำความเข้าใจถึง กฏของการแลก ได้ดียิ่งขึ้น ถ้าท่านพร้อมแล้ว เรามาเริ่มกันเลยครับ…

        นับถอยหลังไปเมื่อประมาณ 3,000 ปี ที่ผ่านมา มีบุรุษผู้หนึ่ง นามว่า
“โซเครติส” เขาเป็นปรมาจารย์ด้านการ สอนให้คน ประสบความสำเร็จ มาแล้วหลายร้อยหลายพันคน จนชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทุกสารทิศ
        อยู่มาวันหนึ่ง ก็มีบุรุษผู้หนึ่ง นามว่า “เบนจามิน” จะมาฝากตัวเป็นศิษย์ เพื่อเรียนรู้เคล็ดลับแห่งความสำเร็จ พอเจอท่านโซเครติส  ก็คุกเข่าอ้อนวอนขอเป็นศิษย์ ท่านโซเครติส มองดู เบนจามิน ก็อมยิ้มนิดๆแต่ไม่พูดอะไร ท่านก็หยิบภู่กันขึ้นมาเขียนหนังสือของท่านต่อไปเงียบๆ พอมืดค่ำ เบนจามิน ก็จากไป พร้อมกับคำว่า “พรุ่งนี้จะมาใหม่”
        วันต่อมา เบนจามิน ก็มาคุกเข่าอ้อนวอนขอเป็นศิษย์ของท่าน โซเครติส อีก เป็นอย่างนี้อยู่ 3 วันติดต่อกัน ท่านโซเครติสได้รับรู้ถึงความมุ่งมั่นและความพยายาม จึงลุกขึ้น แล้วพาเบนจามินเดินไปที่แม่น้ำ ท่านโซเครติสให้เบนจามินเดินลงน้ำก่อนส่วนท่านเกาะบ่าตามหลัง
        เดินลึกลงไปจนระดับน้ำถึงประมาณหน้าอก ท่านโซเครติสก็กดหัวเบนจามินลงน้ำอย่างรุนแรง! เบนจามินยิ่งดิ้น! ท่านโซเครติสก็ยิ่งกดหัวลงไป! เบนจามินก็ยิ่งดิ้น! ท่านโซเครติสก็ยิ่งกดหัวแรงขึ้นไปอีก! เบนจามินใกล้จะขาดใจตาย! จึงดิ้น! สุดชีวิต! จนสามารถหลุดจากมือของท่านโซเครติส พร้อมกับตะโกนเสียงดังว่า
        “ทำไมท่านทำกับข้าอย่างนี้ ข้าตั้งใจจะมาถวายตัวเป็นศิษย์ท่านแล้วใยท่านจึงทำประหนึ่งเหมือนจะฆ่ากันแบบนี้!
        ท่านโซเครติส ยิ้มและถามว่า “เจ้ามาหาข้าเพื่ออะไร?” เบนจามินก็ตอบไปว่า “ข้าอยากให้ท่านสอนเคล็ดลับแห่งความสำเร็จให้กับข้า”
        ท่านโซเครติส ยิ้มและพูดว่า “ตอนที่เจ้าถูกข้ากดหัวไว้ใต้น้ำ เจ้ารู้สึกอย่างไร?” “ก็รู้สึกอึดอัดกดดัน เพราะไม่มีอากาศหายใจ และเหมือนจะขาดใจตายเสียให้ได้” เบนจามินตอบ 
        ท่านโซเครติส ยิ้มแล้วถามว่า “เมื่อเจ้าอยู่สถานการณ์เช่นนั้น เจ้าทำอย่างไร?” เบนจามินก็ตอบว่า “ข้าก็ต้องดิ้นรนจนสุดชีวิต เพื่อขึ้นมาเอาอากาศหายใจ ไม่งั้นข้าก็ขาดใจตาย”
        ท่านโซเครติส ยิ้มแล้วพูดว่า “เคล็ดลับแห่งความสำเร็จ ก็เหมือนกัน เจ้าต้องแลกมันด้วยชีวิตและลมหายใจที่เหลืออยู่ของเจ้า เปรียบประหนึ่งว่า ถ้าทำไม่ได้เจ้าจะต้องใจขาดตายแน่นอน!
        เจ้าได้เรียนรู้เคล็ดลับแห่งความสำเร็จจากข้าแล้ว ศิษย์รัก จากนี้ไป เจ้าจะไม่มีวันล้มเหลว เจ้าจะมีแต่ความสำเร็จ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม เจ้าจงจำไว้ให้ดีว่า
 “จงแลกมันด้วยชีวิตและลมหายใจที่เหลืออยู่ของเจ้า!
Workshops ประจำ บทเรียนวันที่ 6 : 
            1)เขียนบรรยายออกมาให้เป็นภาพที่ชัดเจนว่า ท่านจะนำอะไร ไปแลก เงินล้าน ?
            2)เขียนบรรยาย ขั้นตอนในการเป็นเศรษฐี ในรูปแบบของท่านออกมาให้ชัดเจน โดยประยุกต์ใช้ขั้นตอนทั้ง 7 ข้อ ในหัวข้อ “เพื่อการเป็นเศรษฐี ท่านต้อง แลก อะไร กับ อะไร” ?
            3)เขียน/วาดภาพ บรรยายเกี่ยวกับ  เงิน กับ ความรู้ในการหาเงิน อะไรสำคัญที่สุดสำหรับท่าน และท่านจำเป็นต้องเรียนรู้ในเรื่องใดบ้างเพิ่มเติม จึงจะทำให้ท่าน เป็นเศรษฐี ในมุมมองของท่านได้ ?
            4)เขียน/วาดภาพ ออกแบบ ระบบปั๊มเงิน ในมุมมองของท่านออกมา ว่ามันมีรายละเอียดอะไร ยังไง ต้องเตรียมอะไร และมีระบบย่อยอะไรบ้างที่จะช่วยปั๊มเงินให้ท่านโดยที่ท่าน ไม่ได้เป็นต้นเหตุของการสร้างรายได้(เอาตัวเองออกจากระบบ) เพื่อท่านจะได้มีอิสรภาพอย่างแท้จริง ?

คำเตือน! : ถ้าท่านไม่ทำตาม Workshops นี้ ก็อย่าถามหาว่า “จะเป็นเศรษฐีได้อย่างไร???????”

1 ความคิดเห็น: